วันนี้อยากจะเขียนถึง 5 วิธี การดูแลสุขภาพของคนวัยทำงาน เพราะวัยทำงาน คือวัยแห่งการสร้างสรรค์งาน และเป็นวัยแห่งการสร้างอนาคตให้กับตัวเอง ดังนั้นเรื่องสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนควรให้ความใส่ใจค่ะ
ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน การดำรงชีวิตที่เร่งรีบ การแข่งขันในการเรียน การทำงาน ทำให้ผู้คนขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และมีการบริโภคอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพต่ำ การเลือกรับประทานอาหารเพื่อความอร่อยมากกว่าการคำนึงถึงคุณภาพอาหารที่ได้รับ รวมถึงภาวะมลพิษต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม ทั้งในอาหาร อากาศ น้ำ ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่รุดหน้าไป ทำให้วัยทำงานในสมัยนี้ไม่มีเวลาในการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเอง ก่อให้เกิดโรคจากความเสื่อมต่างๆได้ง่าย
ดังนั้น 5 วิธี การดูแลสุขภาพของคนวัยทำงาน ต่อไปนี้ คือ การดูแลสุขภาพของวัยทำงานที่สำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพ ประสิทธิภาพของระบบประสาทและสมองที่มีผลต่อคุณภาพในการทำงานดังนี้
1. การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการร่างกายทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1.5 -2 ลิตรต่อวัน
ร่างกายของเรามีน้ำมากกว่า 60-70% ของน้ำหนักตัว การดื่มน้ำเปล่า สำคัญต่อสุขภาพและร่างกาย เพราะน้ำมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ น้ำทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ และนำของเสียต่าง ๆ ในร่างกายไปขับถ่ายในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง และไต ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย และ ช่วยหล่อลื่นให้อวัยวะต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ในช่องท้อง ในช่องปอด
ดังนั้น การที่ร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้สุขภาพแย่ลง ความจำไม่ดี ขาดสมาธิ ผิวพรรณไม่สดใสด้วยเช่นกัน
2. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนหลับ มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ความจำ และสมาธิในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรือ ต้องการสมาธิในการทำงานนั้น สมองจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนและฟื้นฟูตัวเองด้วยการนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะในช่วงที่เราหลับ สมองจะมีการจัดระเบียบความคิด ความจำ และทำการฟื้นฟูระบบการจัดเก็บข้อมูล และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ในช่วงที่เราหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนหนุ่มสาว หรือ โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์และฟื้นฟูร่างกายได้
ดังนั้น เวลาที่เรานอนเพียงพอและนอนเต็มที่ เราจึงรู้สึกตื่นมาด้วยความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
3. การรับประทานอาหารคลีน หรือ รับประทานอาหารแปรรูปน้อยลง
ในยุคสมัยนี้ อาหารสำเร็จรูป มีผลต่อการดำรงชีวิต เนื่องจากความเร่งรีบ ในการทำงาน การใช้ชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา ทำให้เราให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์น้อยลง แต่เชื่อหรือไม่ว่า “อาหาร” คือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน การมีสมาธิในการทำงาน ความจำและความคิดสร้างสรรค์
ดังนั้น อาหารคลีน หรือ การลดการรับประทานอาหารแปรรูป จึงเป็นทางออกของการใช้ชีวิตในยุค 4.0 เพราะอาหารคลีนเริ่มเป็นที่นิยมและมีอย่างแพร่หลาย และหารับประทานง่าย โดยหลักการของอาหารคลีน คือ ลดการแปรรูปอาหาร ทานอาหารจากธรรมชาติมากขึ้น ลดการปรุงรส ลดการบริโภคแป้งและน้ำตาล เกลือ ไขมัน ให้น้อยลง มีการแปรรูปให้น้อยที่สุด เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเต็มที่ ช่วยปรับสมดุลของระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายต่อไป
ยกตัวอย่างอาหารคลีน เช่น ไข่ต้ม ผักผลไม้สด ผักลวก เนื้อสัตว์ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงปรุงรสให้น้อยที่สุด หรือ ข้าวกล้อง เป็นต้น
4. การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
หลักการของการออกกำลังกาย นั้น ใน 1 สัปดาห์จะต้องออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 150 นาที หรือ สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้งๆ ละ 30 – 45 นาที โดยการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง ร่างกายจะมีการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงหัวใจและส่วนต่างๆ ของร่างกายเพิ่มมากขึ้น เป็นการขยายหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น สูบฉีดเลือดได้ดีทุกส่วนในร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อต่างๆ
และในขณะที่เราออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (Endorphine hormone) ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิการทำงานของร่างกาย ช่วยให้อารมณ์ผ่อนคลาย ได้อีกด้วย
5. การร่วมกิจกรรมสังสรรค์ในสังคมอย่างเหมาะสม
แนวทางการดูแลสุขภาพของวัยทำงานข้อสุดท้าย สำคัญต่อการใช้ชีวิตในสังคมของคนทำงาน เนื่องจากการทำงานต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างตลอดเวลา แต่การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมอย่างเหมาะสม และสร้างสรรค์นั้น ย่อมมีผลต่อการใช้ชีวิต อนาคตของการทำงานและความก้าวหน้า
กิจกรรมทางสังคมที่เหมาะสมนั้น จะต้องไม่ขัดต่อระเบียบหรือข้อบังคับของที่ทำงาน ไม่ขัดต่อหลักศีลธรรม และจรรยาบรรณในการทำงาน ถูกต้องตามกฎหมายและ เข้าร่วมอย่างพอดีและเหมาะสม โดยไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ
เช่น ควรหลีกเลียงการเที่ยวกลางคืน หรือ เที่ยวจนดึกขาดการพักผ่อนในขณะที่วันรุ่งขึ้นต้องไปทำงาน รับรองว่า ประสิทธิภาพการทำงานลดลงแน่นอน รวมไปถึงหากเรากลับดึก พักผ่อนไม่เพียงพอแล้วไปทำงานสาย โอกาสที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานย่อมน้อยลงเช่นกัน
5 ข้อนี้สำคัญต่อสุขภาพของคนทำงาน และมีผลต่อการใช้ชีวิตในการทำงาน ประสิทธิภาพและความก้าวหน้าในอนาคตต่อไปแน่นอน