จุดสิ้นสุด comfort zone ของคุณคือเมื่อไหร่

จุดสิ้นสุด comfort zone ของคุณคือเมื่อไหร่

จุดสิ้นสุด comfort zone ของคุณคือเมื่อไหร่ ? คุณเคยเห็นคนอกหักไหม คนอกหักจำพวกที่ยอมจมปลักอยู่กับอดีต คิดวนเวียนเสียใจแล้วเสียใจอีกกับความรักที่จบไปแล้ว และไม่ยอมทำใจ ไม่ยอมเปิดใจ ยังโหยหา ร่ำไห้ถึงอดีตลอดเวลา เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง ยังมีประตูอีกหลายบานที่กำลังเปิดออกเพื่อให้เขาก้าวเข้าไป

comfort zone ของฉัน

กรณีแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่ติดอยู่ใน comfort zone อย่างฉันเลย เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้อกหักรักคุดตุ๊ดเมินอะไรทั้งสิ้น แต่คำว่า comfort zone ของฉันนั้นมาจากเรื่องงานต่างหาก เพราะฉันยังวนเวียนทำงานอยู่ในที่ทำงานเดิมๆ เพื่อนร่วมงานคนเดิมและเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีตามขนาดขององค์กรที่ใหญ่ขึ้น ฉันรู้สึกมั่นคงกับบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ที่ไม่ได้เป็นสัญชาติไทย แต่ฉันก็มีความกดดันอึดอัดกับหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องคนและงาน  ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการออกไปหางานใหม่ทั้งที่รู้สึกเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับทุกๆ วันทำงาน นั้นแหละค่ะ confort zone ของฉัน

วันหนึ่งฉันมีเหตุที่จะต้องโทรหาพี่คนหนึ่งที่เคยร่วมงานกันเมื่อหลายปีก่อน เราไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่ที่พี่เขาลาออก เราเลยมีเรื่องถามสารทุกข์สุกดิบ อัพเดทเรื่องราวในชีวิตของกันและกันยาว เรื่องหนึ่งที่เราสามารถคุยกันได้อย่างเข้าใจกันดีคือ เรื่องลูก ตามประสาคนมีลูกที่ต้องดูแล

เราคุยกันเรื่องพัฒนาการของเด็ก ความซน แม้แต่ค่าใช้จ่าย เมื่อมีลูกค่าใช้จ่ายก็เป็นเงาตามตัว ค่าเทอม ค่าประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ค่าเสื้อผ้า และอีกหลายๆ อย่าง เพื่อนฝรั่งเคยบอกฉันว่า “นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่เรายินดีจะจ่าย” ซึ่งฉันก็เห็นด้วย

เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่รายได้เท่าเดิมเราควรต้องทำยังไง?

พี่แกบอกว่า “พี่ไม่ได้ยุอะไรนะ เพราะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แต่เราต้องคิดแล้วหละ เมื่อรายจ่ายเพิ่มแต่ income คือรายได้เรายังเท่าเดิม เราต้องทำอย่างไร” แถมต่ออีกว่า
“เราต้องเปลี่ยนงานไหม ถ้าไม่เปลี่ยนงาน ก็ต้องหารายได้เสริมหรือเปล่า หรือจะใช้วิธีลดค่าใช้จ่าย… อันนี้ต้องคิดเอา”

.

เราคุยกันเรื่องการเปลี่ยนงาน สิ่งที่ยากของการเปลี่ยนงานของคนที่ทำงานในที่เดิมๆ มานาน คือการก้าวออกมาจาก comfort zone ที่เราคุ้นเคย ความยากของการเดินออกมาจากบริษัท ที่เราทำมาหลายปี การออกไปจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่เราคุ้นชินมานาน

เมื่อฉันออกมาจาก comfort zone!
วันนี้ วันที่ 12 กันยายน 2564 เป็นวันที่ฉันมานั่งอัพเดทบล๊อคนี้อีกครั้ง ฉันมีเรื่องมาอัพเดทให้ฟังค่ะ

ต้นปีที่แล้วฉันเปลี่ยนงาน งานเมื่อมันจะมาก็มาเหมือนส่วนหนึ่งก็พึ่งดวงเหมือนกันเนอะ (สายมูก็มา) ฉันปุ๊ปปั๊บได้งานแบบด่วนๆ ภายในหนึ่งเดือนโดยที่ไม่เคยเขียนใบสมัครงานที่ไหนเลยซักครั้ง ใช้เวลาลาออกอีกหนึ่งเดือนด้วยความรวดเร็ว ตอนจะออกจากงานเจ้านายก็เรียกไปคุยสองรอบว่าให้พิจารณาอีกทีไหม จะอยู่ช่วยกันต่อดีไหม ว่าแล้วเรื่องนี้ต้องมีที่ปรึกษาค่ะ ฉันโทรหาน้องหมอดูที่เคยไปดูเมื่อก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน น้องเคยดูดวงให้ว่าฉันจะเปลี่ยนงานก่อนวันเกิด เพราะทนกับงานและหลายๆ อย่างไม่ได้อีกต่อไป

น้องหมอดูบอกว่า “พี่อยู่ก็ได้แต่พี่ก็เหนื่อยเหมือนเดิม ที่ใหม่ก็ดีนะ พี่อยู่ได้ บลาบลาๆ” น้องก็พูดแนะนำอีกนิดหน่อย ฉันลังเลเพราะเจ้านายพูดดีจนเกือบใจอ่อนละค่ะ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลาออก ซึ่งงานใหม่ ก็ต้องปรับตัวกันพอสมควร โดยรวมแล้ว ชีวิตฉันดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เครียดน้อยลง เงินเดือนเยอะขึ้น อันนี้เรื่องสำคัญ

ฉันออกจาก confort zone มาแล้วนะคะ แล้วคุณล่ะคะ คิดจะออกจากคอมฟอร์ทโซนกันบ้างไหม?

ทุกๆ อย่างมีจุดสิ้นสุดเสมอ และการสิ้นสุดของสิ่งๆ หนึ่ง จะเป็นการเริ่มต้นของสิ่งๆ หนึ่งเสมอ เช่น เมื่อเราลาออกจากบริษัทนี้ เราจะไปเริ่มต้นกับบริษัทนั้น เราเลิกกิน junk food และเราจะเริ่มกินอาหารคลีน เมื่อเราเลิกกับแฟนคนนี้ เพื่อที่ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ หรือเริ่มที่จะคบหาคนใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นแค่การเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ สิ่งดีๆ ให้กับชีวิตสักอย่างสองอย่างก็ได้

.
แค่เราทำให้สิ่งๆหนึ่ง จบลงไป เราจะได้เริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาทันที  เพียงแต่ว่า เรากล้าพอที่จะจบอะไรบางสิ่ง เพื่อไปเริ่มสิ่งใหม่ๆ ไหม! ฉันทำได้แล้วนะคะ แล้วคุณละคะ จุดสิ้นสุด comfort zone ของคุณคือเมื่อไหร่ ลองคิดดูค่ะ

Photo : www.pixabay.com

About the author