วิสัยทัศน์ Service Mind และเป้าหมายที่เราตั้งไว้

วิสัยทัศน์ Service Mind และเป้าหมายที่เราตั้งไว้

วิสัยทัศน์ Service Mind และเป้าหมายที่เราตั้งไว้ คำพูดพวกนี้คนทำงานหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างนะคะ แต่ความเข้าใจจะมีแค่ไหน อันนี้ก็ขึ้นกับแต่ละบุคคลค่ะ ดังนั้น วิสัยทัศน์ Service Mind และเป้าหมายที่เราตั้งไว้ จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวหรือสำหรับองค์กรนั้นๆ

.

อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าหลายๆ คนน่าจะคุ้นชินกับวิสัยทัศน์ หรือเป้าหมาย ถ้าพวกเขาได้ทำงานในองค์กรใหญ่ที่ผู้บริหารมีแผนงานมี วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายระยะสั้น ระยะยาวขององค์กรอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนนั้น คำพวกนี้อาจจะเป็นเรื่องไกลตัว แม้แต่ฉันเอง แค่คำว่าวิสัยทัศน์ ฉันก็เริ่มจะไม่มั่นใจแล้วค่ะ ว่าสิ่งที่ฉันเข้าใจถูกต้องไหม ซึ่งจากการที่ฉันลองเปิดกูเกิ้ลดูแล้วนั้น (ที่ปรึกษาหลักเลยค่ะ) ความหมายของคำว่า วิสัยทัศน์น่าจะมีความหมายประมาณนี้นะคะ

.

วิสัยทัศน์ คืออะไร ? วิสัยทัศน์ หรือ Vision ในภาษาอังกฤษ น่าจะแปลได้ว่า สิ่งที่เราจินตนาการและเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะให้เกิดขึ้นในอนาคต  โดยมีการวางแผน วางเป้าหมายเพื่อไปให้ถึงสิ่งนั้นๆ เช่น วิสัยทัศน์ส่วนบุคคล เรามองว่าในอนาคตเราจะเป็นอย่างไร ทางด้านร่างกาย เราอยากหุ่นดีมีสุขภาพที่แข็งแรง หรือทางด้านอาชีพ เราอยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ

.

.1. การมีหุ่นดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงทำอย่างไร

  • ออกกำลังกาย
  • กินอาหารเพื่อสุขภาพ
  • สมัครเป็นสมาชิกฟิตเนทที่ไหนซักแห่ง
  • จ้างเทรนเนอร์ หรืออื่นๆ อีกหลายอย่าง

.

2.อยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ ต้องทำอย่างไร

  • สมัครเรียนคอร์สภาษาอังกฤษต่างๆ
  • พูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนทุกวัน
  • อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือฟังข่าวเป็นภาษาอังกฤษ
  • สมัครทำงานในบริษัทต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

.

หลายวันก่อนฉันได้ไปเข้าร่วมสัมมนาคอร์ส NLP งานหนึ่งค่ะ สอนโดยโค้ชวาส ชาวสิงคโปร์ ที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จัก เรื่องหนึ่งที่โค้ชเอ่ยถึงคือ วิสัยทัศน์ และเป้าหมาย ในการทำงานหรือการทำธุรกิจ ซึ่งฉันฟังแล้วคิดว่าน่าจะรวมเรื่อง service mind เข้าไปด้วย

นี่เป็นแค่บางตัวอย่างในการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามวิสัยทัศน์ที่เราวางไว้ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ฉันอยากจะเล่าเรื่องที่ได้ฟังมาจากงานสัมมนานี้ให้ฟังค่ะ

.

เรื่องมีอยู่ว่า แมรี่เป็นเจ้าของร้านขายดอกไม้เล็กๆ ร้านหนึ่ง เธอได้ร้านเป็นมรดกจากแม่ที่เปิดร้านขายดอกไม้มายี่สิบปีและตอนนี้แม่ของเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว แมรี่ขายดอกไม้ในร้านของเธอตามแบบที่แม่ได้ทำมา ทุกๆ วันเธอจะนั่งอยู่ที่หลังเคาท์เตอร์ในร้าน บางวันนั่งทาเล็บ หรือนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปีอย วันหนึ่งมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แมรี่มองไปที่ลูกค้าและรอลูกค้าเข้ามาสั่งดอกไม้ เมื่อชายคนนี้เดินเข้ามาในร้านและสั่งดอกไม้ แมรี่ก็จัดดอกไม้ให้ไปตามหน้าที่ ลูกค้าผู้ชายคนนี้มองไปรอบๆ ร้านแล้วถามแมรี่ว่า

“คุณรู้จักวิสัยทัศน์ไหม วิสัยทัศน์ในการทำร้านดอกไม้ของคุณคืออะไร”

.

แม่รี่ไม่รู้จักและไม่สนใจ เมื่อลูกค้าถามเธออีก เรื่องเป้าหมาย เธอเริ่มโกรธและบอกว่า เธอไม่รู้จักวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายว่าคืออะไร แต่เธอก็มีอาชิพที่เลี้ยงดูตัวเองเลี้ยงดูลูกและครอบครัวของเธอได้ด้วยร้านนี้

ลูกค้าชายคนนี้ได้อธิบายให้แมรี่ฟังเรื่องวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการทำธุรกิจและอะไรอีกหลายๆ อย่าง เวลาผ่านไปสี่ห้าเดือน มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านดอกไม้ ผู้ชายคนนี้ชื่อไมเคิล แมรี่เห็นลูกค้าเดินเข้ามาจึงลุกจากเก้าอี้และเดินไปหาลูกค้าทันที เธอพูดกับลูกค้าว่า

“สวัสดีค่ะ คุณต้องการสั่งดอกไม้ใช่ไหมคะ จะใช้สำหรับที่ทำงานหรือที่ออฟฟิตคะ” ไมเคิลตอบว่า

“ผมจะสั่งดอกไม้ไปที่บ้านครับ” แมรี่ใช้เวลาชั่วครู่สังเกตุบุคลิกและลักษณะของไมเคิล และขอตัวไปจัดดอกไม้อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอนำดอกไม้มาให้ไมเคิลดูและพูดว่า ดอกไม้นี้น่าจะเหมาะกับบ้านของเขาโดยที่เธออาศัยการสังเกตุบุคคลิกของไมเคิล ซึ่งไมเคิลประทับใจเป็นอย่างมากกับดอกไม้ช่อนี้ เขาไม่เคยสั่งดอกไม้ร้านไหนแล้วถูกใจเช่นนี้มาก่อน แต่แมรี่ยังกล่าวว่า

“รอซักครู่นะคะ” หลังจากนั้นแมรี่ได้เดินไปจัดดอกไม้มาอีกช่อให้ไมเคิลเลือกซึ่งก็สวยไม่น้อยไปกว่าช่อแรก เมื่อไมเคิลตกลงใจที่จะซื้อแล้ว แมรี่ได้บอกให้ไมเคิลไปเปิดรถและเปิดแอร์ในรถด้วย เธอได้เดินนำดอกไม้ไปวางไว้หลังรถให้เขาด้วยตัวเอง ก่อนที่จะวางดอกไม้ลง เธอใช้ขวดสเปร์ฉีดพรมน้ำให้ดอกไม้อีกรอบ และกล่าวกับไมเคิลว่า

“เปิดแอร์ให้ดอกไม้จนกว่าจะนำดอกไม้เข้าบ้านนะคะ”

หนึ่งเดือนผ่านไปมีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาที่ร้าน

“ขอสายคุณแม่รี่ครับ” ปลายสายกล่าว แต่แมรี่จำเสียงลูกค้าได้

“คุณไมเคิลใช่ไหมคะ ต้องการสั่งดอกไม้ใช่ไหมคะ”  ไมเคิลตอบว่าใช่และต้องการสั่งดอกไม้ไปที่บ้านเหมือนเดิม แม่รี่ตอบว่า

“ถ้าอย่างนั้นคุณเข้าไปที่เฟซบุ๊คร้านเราได้เลยค่ะ แค่เลือกแบบดอกไม้และเราจะไปส่งดอกไม้ที่บ้านของคุณภายในหนึ่งชั่วโมงเพราะเรามีที่อยู่ที่บ้านของคุณแล้วตอนที่คุณมาสั่งดอกไม้ครั้งแรก คุณก็แค่รอจ่ายเงินอยู่ที่บ้าน”

.

************************************

.

ฉันประทับใจเรื่องเล่านี้มาก เพราะแค่เรามีวิสัยทัศน์มีเป้าหมาย ก็จะทำให้หลายๆ อย่างในการทำงานดีขึ้น ฉะนั้นเมื่อเรามีเป้าหมายที่จะทำให้งานเราเป็นอย่างไร ดีขึ้นได้อย่างไร เราจึงต้องรวมการมีใจในการบริการลูกค้า หรือ service mind เข้าไปด้วย เพื่อเป็นหนึ่งในกระบวนการที่จะทำให้ลูกค้าพอใจและยินดีจะใช้บริการของเราต่อไป ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่นานวิสัยทัศน์ที่เราตั้งไว้ก็จะเป็นความจริง


บทความอื่นๆ :ชีวิตแบบซุปเปอร์ Productive รอบด้านที่สุด ในหนึ่งวันทำยังไง

About the author

Comments

  1. ขอบคุณค่ะ อ่านแล้ว ได้วิสัยทัศน์ในอีกมุมมองนึงค่ะ

    1. ขอบคุณค่ะ แมรี่ทำให้เราย้อนกลับมาดูตัวเองเลยค่ะว่าทำงานเป็นอย่างไร

Leave a Reply